ชุดทดสอบสีสังเคราะห์ในอาหารห้ามผสมสี มาตราฐานกรมวิทยาศาสตร์ 20 ทดสอบต่อกล่อง

🌈 ชุดทดสอบสีสังเคราะห์ในอาหาร: ความชัดเจนในการตรวจสอบคุณภาพ!

🚫 ห้ามผสมสีในอาหาร!

📌 การดูแลคุณภาพของอาหาร: ความจำเป็นในการทดสอบสีสังเคราะห์

             การใช้สีสังเคราะห์ในอาหารมีวัตถุประสงค์เพื่อให้อาหารมีสีสวยงาม สะดุดตา หรือทดแทนสีธรรมชาติที่จางไป อย่างไรก็ตาม, การใช้สีสังเคราะห์อาจทำให้เกิดความสงสัยในใจของผู้บริโภคเกี่ยวกับคุณภาพของอาหาร กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดชนิดอาหารที่ห้ามผสมสีตามประกาศฉบับที่ 66 (พ.ศ. 2525) เพื่อความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของอาหาร!

✅ ผลกระทบต่อสุขภาพ: มีสีธรรมชาติ vs. สีสังเคราะห์

            การรับสีสังเคราะห์อย่างต่อเนื่องอาจมีผลกระทบต่อสุขภาพ เนื่องจากสีสังเคราะห์จะถูกดูดซึมที่เยื่อบุผนังระบบทางเดินอาหาร ทำให้ขัดขวางการหลั่งเอนไซม์ที่ใช้ในการย่อยอาหารและเกิดการเบื่ออาหาร ร่างกายไม่เจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่

✅📆 อายุการใช้งานชุดทดสอบ: 1 ปีนับจากวันผลิต

       คุณสามารถใช้ชุดทดสอบนี้ได้ในช่วงเวลา 1 ปีนับจากวันที่ผลิต ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าผลการทดสอบยังคงเป็นปัจจัยที่นำเสนอข้อมูลที่ถูกต้อง!

✅🔍 จำนวนตัวอย่างที่ตรวจได้: 20 ตัวอย่าง/กล่อง

      ด้วยจำนวนตัวอย่างที่มากถึง 20 ตัวอย่างต่อกล่อง ชุดทดสอบของเรามั่นใจว่าคุณได้ข้อมูลที่ครอบคลุมและเชื่อถือได้!

 

✅👉 ตัวอย่างเป้าหมาย:

      ###  ลูกชิ้น แหนม ผักหรือผลไม้แปรรูป เนื้อสัตว์ปรุงรส เส้นบะหมี่ ไส้กรอก กุ้งแห้ง เนื้อเค็ม ปลาเค็ม ข้าวเกรียบ น้ำพริก ทอดมัน กะปิ กุนเชียง

 

✅ ความไวของชุดทดสอบ: ระดับต่ำสุดที่ตรวจได้ 2 มิลลิกรัม/กิโลกรัม

       ด้วยความไวที่สูง ชุดทดสอบของเราสามารถตรวจจับการใช้สีได้ในระดับต่ำสุดที่ 2 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม เพื่อให้คุณมั่นใจว่าอาหารของคุณถูกตรวจสอบอย่างถูกต้อง!

 

✅ อุปกรณ์ชุดทดสอบ

1.น้ำยา 1   จำนวน 1 ขวด

2.น้ำยา 2  จำนวน 2ขวด

3.น้ำยา 3  จำนวน 2 ขวด

4.น้ำยา 4  จำนวน 2ขวด

5.ถ้วยพลาสติก 2 ใบ

ุ6.หลอดแก้ว 2 หลอด

7.หลอดพลาสติกพร้อมฝา 2 หลอด

8.ช้อนพลาสติก 2 อัน

9.หลอดหยด 2 อัน

10.คอลัมน์บรรจุผงละเอียดสีขาว 20 หลอด

11.ช้อนคนพลาสติก 2 อัน

 

✅ ขั้นตอนการทดสอบ

1.การเตรียมตัวอย่าง หั่นให้ละเอียด

2.ตักตัวอย่าง 1 ช้อนชาใส่ในถ้วยพลาสติกเติมน้ำสะอาดประมาณ 20 มิลลิลิตรและคนด้วยช้อนคน แล้วหยดน้ำยา 1 จำนวน 2-3 หยด  คนแรงๆ ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที หรือจนสีในอาหารละลายออกมา

3.วางจนตกตะกอนรินเฉพาะส่วนที่เป็นน้ำใสลงในขวดพลาสติก ประมาณ 2 มิลลิลิตร

4.หยดน้ำยา2 ประมาณ 2 มิลลิลิตร ปิดฝา และเขย่าแล้วแกะพลาสติกที่เป็นคอลัมน์ออก วางคอลัมน์ลงในหลอดแก้ว

5.ใช้หลอดหยดดูดสารละลายจากข้อ 4 ประมาณ 1 หลอดหยดลงในคอลัมน์ รอจนไม่มีน้ำยาเหนือผงละเอียดสีขาว

ุ6.ให้เทน้ำยาในขวดแก้วที่รองรับทิ้งแล้วหยดน้ำยา 3 ให้สังเกตุการเคลื่นตัวของแถบสี และสีของสารละลายในขวดแก้วที่รองรับ ทำซ้ำอีก 1 ครั้ง

ึ7.ถ้าพบแถบสีที่ผงละเอียดสีขาวในคอลัมน์ให้เทสารละลายในขวดที่แก้วรองรับทิ้งและหยดน้ำยา 4 ลงในคอลัมน์ให้ระดับน้ำยาอยู่ต่ำกว่าขอบด้านบนเล็กน้อย ให้สังเกตุการเคลื่อนตัวของแถบสีและสีของสารละลายในขวดแก้วที่รองรับ

 

✅ การประเมินผล

1.ในขั้นตอนที่ 6 ถ้ามีการเคลื่อนตัวของแถบสี หรือพบสีของสารละลายในขวดแก้วที่รองรับ แสดงว่า " มีสีธรรมชาติ " ในตัวอย่างอาหารนั้น

2. ในขั้นตอนที่ 7 ถ้ามีการเคลื่อนตัวของแถบสี หรือพบสีของสารละลายในขวดแก้วที่รองรับ แสดงว่า " มีการใช้สีสังเคราะห์ " ในตัวอย่างอาหารนั้น

3. ถ้าไม่พบการเคลื่อนตัวของแถบสี หรือพบสีของสารละลายในขวดแก้วที่รองรับ ไม่มีสี  แสดงว่า " เป็นสีธรรมชาติ " ในตัวอย่างอาหารนั้น

 

✅ การปฎิบัติเมื่อใช้ชุดทดสอบเสร็จ

1. เขียง มีด ถ้วยพลาสติก หลอดทดลอง ให้ล้างด้วยน้ำสะอาดผึ่งให้แห้งก่อนที่จะนำไปเก็บในกล่องชุดทดสอบ

2. หลอดหยด ให้ใช้หลอดหยดดูดน้ำสะอาดแล้วบีบทิ้ง ทำช้ำ 3-4 ครั้ง ทิ้งให้แห้ง ก่อนที่จะนำไปเก้บในกล่องชุดทดสอบ

 

✅ ข้อควรระวัง

1. น้ำยา 1-3-4 เป็นสารละลายอินทรีย์ที่ระเหยง่ายที่อุณหภูมิห้อง เมื่อใช้แล้วปิดจุกให้แน่น ระวังอย่าสูดไอของสารเหล่านี้โดยตรง

2. หากหกเปื้อนมือ หรือส่วนใดของร่างกาย ให้ล้างด้วยน้ำ และฟอกสบู่ให้สะอาด

3. อย่าวางชุดทดสอบไว้ใกล้มือเด็ก หรือที่ถูกแสงแดดโดยตรง